ตั้งแต่ ม.ปลาย มา จะชอบมีสองสามคำถามที่ลึกๆแล้วตอบไม่ได้ คือ
ตั้งแต่ม.ปลายมา จะชอบมีสองสามคำถามที่ลึกๆแล้วตอบไม่ได้ คือ
1. เราเป็นคนยังไง นิสัยเป็นยังไง ทำอะไรได้ดี
2. มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
3. อยากจะทำอะไร เป้าหมายในชีวิตคืออะไร
เราไม่เชื่อในคำตอบที่เราลองตอบเอง และไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเราทำได้ดีด้วย (แต่ถ้าอะไรไม่ดีจะเชื่อเก่ง) หรือเรียกได้ว่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และชัดเจนมากตั้งแต่พี่ก้องบอกว่าเล่าให้ฟังหน่อยว่าโตมายังไง
แค่ 15 นาทีแรกในระหว่างการเล่า เราก็พูดว่า “ไม่ได้เก่งขนาดนั้น” ประมาณ 5-7 รอบได้ ซึ่งก็ต้องมาพิสูจน์กันว่า เราเป็นอย่างนั้นจริงเหรอ ?
หลังจากได้ลองคุยมุมมองเรื่องราวหลายๆเรื่อง พี่ก้องก็จะสะท้อนเรื่อยๆว่าเราเป็นคนแบบนี้ๆนะ แล้วก็จะถามตลอดว่าน้องเป็นคนแบบนี้รึเปล่า ถ้าไม่ใช่เราก็บอกได้ คุยไปคุยมามันทำให้เรายิ่งรู้จักตัวเองมากขึ้น เห็นตัวเองมากขึ้น ในแบบที่ว่าไปตามเนื้อผ้าว่าเราก็เป็นคนแบบนี้ๆ นะ แต่ไม่ใช่ในมุมตัดสินว่าแบบนี้ดีไม่ดี แต่โอเค มันก็จะมีข้อดี-ข้อไม่ดีของการเป็นแบบนั้นๆอยู่บ้าง
นี่ถ้าอยู่ๆ มีคนมาถามว่าเราเป็นคนยังไง แล้วให้เราพูดออกมาเองเราคงพูดไม่ได้ เพราะเราไม่กล้าเคลมว่าเราเป็นแบบไหน
ตรงนี้ต้องลอง 5555 การคุยกับพี่ก้อง มันเป็นการคุยแบบสบายๆ มาก จะพูดอะไรก็ได้ พี่ก้องจะบอกไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า กติกาก็คือไม่มีกติกา
แน่นอนว่า เรามาด้วยปัญหา เราก็อยากได้ทางแก้ และที่น่าตกใจก็คือเรายังไม่เริ่มเล่าปัญหา แต่แค่เรื่องที่เล่าถึงตัวเองคร่าวๆ พี่ก้องก็สามารถแกะได้ว่าเราเป็นคนแบบไหน แล้วปัญหาเราเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ถ้าใช่ มันจะมีวิธีแก้แบบนี้ๆๆ ได้นะ
มาถึงจุดนี้ คือ ตกใจทีได้เห็นตัวเราและมีคนคอนเฟิร์มเราว่า เราเป็นคนแบบนี้ และยังเข้าใจปัญหาที่เราเจอจากการที่เราเป็นแบบนี้อีก (แต่พี่ก้องบอกว่านี่เทียบตามทฤษฎีเลย แล้วเราอ่านง่ายมาก 555) แต่ที่ผ่านมาเราไม่ได้เชื่อมันเลย
อาการตอนนี้คงเหมือนคนช็อค เพราะเหมือนได้กอดตัวเอง และก็ตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นว่า ประเด็นที่เราเจอก็มีทางออกอยู่นะ และเชื่อว่าเราจะเป็นคนที่ดีขึ้นได้
การได้ลง Framework ว่าตัวเองชอบอะไร ทำอะไรได้ดี และทำอะไรแล้วมีคนเห็นค่า เพื่อที่จะเฟรมต่อว่าชีวิตเราจะเดินไปทางไหน สิ่งที่ได้จากตรงนี้ชัดๆ คือเรื่องการเลือกโอกาสที่จะเข้ามาในชีวิต
ได้แทคติกมาปรับแก้ความคิดด้านลบที่เกิดขึ้นจากการที่ชอบเปรียบเทียบ คือ การตอบตัวเองให้ได้ว่า
“เรื่องนี้เราทำอะไรได้ดี”
เพื่อที่เราจะได้ keep มันไว้ต่อยอด เป็นการแก้จุดที่ว่าเราไม่เคยชมตัวเองเลย ไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรได้ดี อีกทางนึงด้วย อย่างการขอ Feedback แต่ขอให้ชัด จุดแรกคือ พี่ว่าหนูทำอะไรได้ดี และสองคือพี่ว่าหนูต้องเพิ่มอะไร/ปรับอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะไม่ต้องแบกความรู้สึกที่ต้องตีความเอง และช่วยแก้ไขพัฒนาได้อย่างตรงจุด
นอกจากนี้ยังมีแทคติกอื่นๆ ในการทำงาน ที่พี่ก้องให้ไว้เพื่อ แก้อาการคิดแทนคนอื่น คิดไปเองคนเดียว ทั้งเรื่องการขอความช่วยเหลือ การแบกงานไว้คนเดียว การลงดีเทลไปทุกเรื่องเกินไป ปิดท้ายด้วยการฝึกตอบปฏิเสธด้วยคำว่า”ได้” คิดว่าเป็นประโยชน์มากๆ ในการเมเนจชีวิตการทำงาน
สุดท้ายคือ ดีใจที่ได้เห็นตัวเองตามความเป็นจริง แต่เรื่องคุยกับตัวเองว่าให้เชื่อนี่น่าจะต้องใช้เวลาปรับความคิดในหลายๆเรื่อง และเชื่อว่าสักวันมันจะต้องดีขึ้น จงอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง อย่ากลัวว่าจะปรับตัวไม่ได้ อย่ากลัวว่าจะทำมันพัง เพราะในอดีตเราก็ผ่านมาได้เพราะตัวเราเองด้วยนะ แล้วก็ไม่ใช่การ overclaim นะ ซึ่งก็ต้องหัดจดความสำเร็จเอาไว้บ้าง ว่าเราทำอะไร เราเจออะไร เราแก้ยังไง ทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนั้น เพื่อให้เห็น progress ของตัวเอง
สรุปสั้นๆ อีกที คือ ชมตัวเองบ้าง อย่ากดดันตัวเองอย่างเดียวนะ
ขอบคุณพี่ก้องมากๆค่ะ
///////////////////////////////////////
รีวิวเซสชั่นจากน้องปอนด์ ว่าที่บัณฑิต จาก เศรษฐศาสตร์ธรรมศาตร์ ที่มีคำพูดกับตัวเองตลอดเวลาว่า เราไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ลึกๆก็อยากจะรู้ว่าเราเก่งในด้านไหน
เมื่อหาคำตอบด้วยตัวเองไม่ได้ เลยทักเข้ามาเพื่อพูดคุยกัน
คุยกันหลายประเด็นเลยล่ะ พอจังหวะที่มีประเด็นอะไรน่าสนใจ เราก็สลับหมวกโค้ช ใส่หมวกที่ปรึกษา แชร์ชุดข้อมูล / หลักคิด ที่คิดว่าจะประเป็นประโยชน์กับตัวน้องเองเป็นของฝากให้ติดมือกลับบ้านไปด้วย
ภาพและบทความได้รับอนุญาติให้เผยแพร่จากโค้ชชี่แล้ว
Original FB Source: https://www.facebook.com/1621643211384186/posts/2978040409077786